เมนู

อรรถกถารูปัง วิปาโกติกถา



ว่าด้วย รูปเป็นวิบาก



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องรูปเป็นวิบาก. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็น
ผิดดุจลัทธินิกายอันธกะและสมิติยะทั้งหลายว่า รูปใดที่เกิดขึ้นเพราะ
ทำกรรมไว้ แม้รูปนั้นก็เป็นวิบาก ดุจจิตและเจตสิกที่เกิดขึ้นเพราะทำ
กรรมไว้ ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรอง
เป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า รูปเป็นที่ตั้งแห่งสุข-
เวทนา
เป็นต้น เพื่อท้วงว่า ถ้าว่า รูปเป็นวิบากไซร้ รูปนั้นก็พึงเป็น
สภาพต่าง ๆ เช่นที่กล่าวนี้. คำที่เหลือในทีนี้ พึงทราบตามพระบาลีนั่นแล.
อรรถกถารูปังวิปาโกติกถา จบ

รูปัง รูปาวจรรูปาวจรันติกถา



[1679] สกวาที รูปเป็นรูปาวจรมีอยู่ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. รูปเป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ เป็นธรรมแสวงหา
อุปบัติ เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม สหรคต เกิดร่วม ระคน
สัมปยุต เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน มีวัตถุเป็นอันเดียวกัน มีอารมณ์อัน
เดียวกัน กับจิตดวงแสวงหาสมาบัติ กับจิตดวงแสวงหาอุบัติ กับจิต
เครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. รูปไม่เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ ไม่เป็นธรรมแสวง
หาอุปบัติ ไม่เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม จะเป็นสหรคต
เกิดร่วม ระคน สัมปยุต เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน มีวัตถุเป็นอันเดียวกัน
มีอารมณ์เป็นอันเดียวกัน กับจิตดวงแสวงหาสมาบัติ ก็หามิได้ กับจิต
ดวงแสวงหาอุบัติ ก็หามิได้ กับจิตเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ก็หา
มิได้ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า รูปไม่เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ ไม่เป็น
ธรรมแสวงหาอุบัติ ไม่เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม จะเป็น
ธรรมสหรคต ฯลฯ มีอารมณ์อันเดียวกัน ฯลฯ กับจิตเครื่องอยู่เป็นสุขใน
ทิฏฐธรรม ก็หามิได้ ก็ต้องไม่กล่าวว่า รูปเป็นรูปาวจรมีอยู่.
[1680] ส. รูปเป็นอรูปาวจรมีอยู่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.